ปัณณภัสร์ โชคนานา ทำธุรกิจแบบสู้ไม่ถอย

โดย....พุสดี สิริวัชระเมตตา / ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์

สาวน้อยร่างเล็ก ดูน่าทะนุถนอมตรงหน้า เธอคืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ของคนทำธุรกิจ ที่ไม่จำเป็นต้องร่ำเรียนมาโดยตรง หรือมีประสบการณ์แก่กล้า ขอเพียงมีความตั้งใจ ใส่ใจ ไม่ว่าศาสตร์หรือประสบการณ์ใดๆ ที่ได้รับตลอดชีวิตที่ผ่านมา ก็กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวกับสิ่งที่ทำอยู่ได้

จินนี่–ปัณณภัสร์ โชคนานา คือ นักธุรกิจสาวหน้าใหม่ในวงการสกินแคร์ที่มีเรื่องราวน่าสนใจ เพราะนอกจากด้วยวัยเพียง 28 ปี เธอจะขึ้นแท่นเป็นเจ้าของแบรนด์ “Heaven” ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว “ออร์แกนิก ”จากอังกฤษได้แล้ว เธอยังจับเอาศาสตร์การบริหารจัดการในโรงแรมมาสอดประสานกับการทำธุรกิจได้อย่างน่าสนใจ

จินนี่ บอกเล่าถึงเส้นทางการปลุกปั้นธุรกิจแรกในชีวิต ว่า รู้จักแบรนด์นี้จากรุ่นพี่ตอนไปอยู่ที่อังกฤษแนะนำให้ใช้ เพราะจินนี่มีปัญหาเรื่องจุด รอยดำที่เกิดจากการแคะ แกะเกา พอใช้แล้วจินนี่ก็ชอบ เลยกลายเป็นลูกค้าประจำ แต่ต้องบอกก่อนว่า เฮเว่น ไม่ใช่แบรนด์ดัง หรือวางขายทั่วไปตามห้างดังๆ ในลอนดอน จะไปที่ซื้อที่ร้านแต่ละครั้งค่อนข้างลำบาก เพราะร้านที่ขายไม่ใช่ร้านขายเครื่องสำอางใหญ่ๆ แต่เป็นเหมือนร้านขายยา ขายหนังสือเก่าด้วย ยิ่งกว่านั้น ทางร้านยังไม่สต๊อกสินค้า บางครั้งไปก็เสียเที่ยว ต้องไปสั่งไว้แล้วค่อยมารับ

“ถึงลำบาก แต่เราชอบ ก็ยอมนะ บางครั้งก็ใช้วิธีสั่งออนไลน์ รอของ 3 สัปดาห์ได้ แต่วันหนึ่งพอจินนี่ตัดสินใจจะกลับเมืองไทย ก็เกิดจิตตกว่าแล้วจะหาซื้อที่ไหนดี ติดต่อเซลส์ที่ขายเขาก็กำลังจะลาออก จินนี่ก็ยิ่งรน เขาเลยให้อีเมลติดต่อกับ เด็บบอร่า มิชเชล เจ้าของแบรนด์นี้โดยตรง ตอนนั้นจินนี่ก็เริ่มคุยกับที่บ้านแล้วว่า สนใจอยากนำแบรนด์นี้เข้ามาขายในเมืองไทย เพราะใช้เองแล้วชอบ ปรากฏว่าคุณพ่อคุณแม่ก็ไฟเขียว สัปดาห์สุดท้ายก่อนกลับเลยอีเมลไปหา เด็บบอร่า เพื่อแนะนำตัว และบอกวัตถุประสงค์ของเรา ตอนนั้นจินนี่รอคำตอบแบบลุ้นมากๆ”

 

ในที่สุดฝันก็เป็นจริง จินนี่ บอกว่า เด็บบอร่าตอบอีเมลมาและขอนัดเจอ ซึ่งเธอก็ไปในสภาพเด็กกะโปโล แต่พกความมั่นใจและตั้งใจไปเต็มร้อย ปรากฏว่าคุยกันถูกคอ เขาก็ตกลงให้เรานำเข้าแบรนด์เขาได้ โดยหลังจากที่คุยกันเรียบร้อย วันรุ่งขึ้นจินนี่ก็บินกลับมาเมืองไทยทันที

“ด้วยความที่ทางแบรนด์เน้นเรื่องความสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นหลัก เขาเลยชอบที่เรามีพื้นฐานของงานบริการ ทำให้เค้าคลิกและเลือกเราเป็นตัวแทนประเทศไทย ทั้งที่มีหลายๆ เจ้าติดต่อไปเพื่อเป็นตัวแทนเหมือนกัน”

แน่นอนว่า การเจรจาที่สำเร็จนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่กำลังรอความท้าทาย และภาระหน้าที่อีกมหาศาลอยู่เบื้องหน้า ไม่ว่าจะเป็นการชิปปิ้งสินค้า การวางแผนการตลาด วางคอนเซปต์สินค้า กลุ่มเป้าหมาย และกระบวนการขอใบอนุญาตจาก อย. (องค์การอาหารและยา) ไปจนถึงการออกแบบแพ็กเกจจิ้ง กล่องและถุง คู่มือการใช้โปรดักต์ อย่างไรก็ตาม จินนี่ ไม่ท้อ ยืนยันว่าเมื่อเริ่มต้นแล้วต้องทำให้ได้ แล้วทำให้ดีที่สุด

“เราเริ่มธุรกิจจากสิ่งที่ชอบ มีใจรักในตัวโปรดักต์ ชอบเรื่องสวยๆ งามๆ ตามประสาผู้หญิงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราทำทุกอย่างโดยมี Passion เป็นตัวนำ แต่แน่นอนพอมาเริ่มต้นลุยเองก็ต้องมีปัญหา มีท้อบ้าง แต่พยายามให้กำลังใจตัวเองว่าเรามาทำตรงนี้เพราะความชอบ ถ้าไม่ชอบก็คงไม่ทำตั้งแต่แรก”

ถามว่าคิดถึงงานโรงแรม ซึ่งเป็นงานที่รัก อุตส่าห์ไปร่ำเรียนมาหรือไม่ จินนี่ ตอบว่า ก็ไม่เชิง เพราะจริงๆ แล้วตัวธุรกิจที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็คล้ายกับงานโรงแรม ได้เจอผู้คนหลากหลาย ยังต้องอาศัยใจรักบริการ เพื่อมอบความสุขและความประทับใจให้ลูกค้า ตามคอนเซปต์ที่เธออยากให้ลูกค้าที่มาที่ร้าน ได้พบสวรรค์เล็กๆ จากการปรนนิบัติผิวกลับบ้านไป

 

สำหรับไลฟ์สไตล์วันว่าง จินนี่ บอกว่า เวลาว่างเธอจะใช้ตัวเองเป็นตุ๊กตา ลองแต่งหน้าในลุคต่างๆ ไปเรื่อยๆ ตามเทรนด์บ้าง ไม่ตามเทรนด์บ้าง เพราะอะไรที่ไม่เข้ากับตัวเองก็ไม่ทำ โดยเฉพาะแนวเกาหลีอาจไม่ค่อยเหมาะกับสาวที่ใบหน้าคมเข้มอย่างเธอนัก

“นอกจากความสวยภายนอก เห็นลุคอย่างนี้ เวลาว่างจินนี่ชอบสวดมนต์ นั่งสมาธินะ เหมือนเป็นการสงบสติอารมณ์ของเราไปในตัวด้วย” จินนี่ สาวหัวสมัยใหม่ ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาเป็นสิบปี เล่าถึงวันว่างอย่างติดตลก

ก่อนจบการพูดคุยในวันนี้ อดถามถึงความคาดหวังต่อแบรนด์สกินแคร์น้องใหม่นี้ไม่ได้ จินนี่ บอกว่า มีแผนจะขยายธุรกิจไปสู่เคาน์เตอร์แบรนด์ในห้างสรรพสินค้าไฮเอนด์อย่างพารากอน และเอ็มโพเรียม เร็วที่สุดคงเป็นปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า นอกจากนี้ยังคิดจะเริ่มเข้าไปยังโรงแรม 5 ดาว 6 ดาว เอาโปรดักต์เข้าไปให้บริการอยู่ในสปาของโรงแรม โดยจะส่งเทรนเนอร์เข้าไปเทรนด์ให้กับสปาในโรงแรมด้วย

รู้จักตัวตนของจินนี่

เธอเริ่มไปใช้ชีวิตในต่างแดนตั้งแต่อยู่ ม.ปลาย จินนี่ไปเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนไป Wesley College ประเทศออสเตรเลีย “ใช้ทุนคุณพ่อ คุณแม่ เพราะสามารถดร็อปเรียนได้ และถ้าไปแล้วปรับตัวไม่ได้ ไม่ชอบวัฒนธรรม ก็สามารถกลับมาได้ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี

จินนี่ได้ศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยที่ IHTTI School of Hotel Management สวิตเซอร์แลนด์ 2 ปี และอีก 2 ปีที่ Bournemouth University เมืองบอร์นมัธ ประเทศอังกฤษ

“ตอนแรกไปเรียนการโรงแรมที่สวิตเซอร์แลนด์ก่อน แล้วก็โอนไปเรียนที่อังกฤษจนจบ แล้วทำงานเป็น Guest Relations ที่โรงแรม Millennium Gloucester Hotel เพราะอยากเรียนรู้งานตั้งแต่พื้นฐาน”